วันพฤหัสบดีที่ 2 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2560

อนุทินที่ 3

สรุปข่าวทางการศึกษา
แชร์สนั่น! ครูโหดทุบหลังเด็กช้ำ เหตุอ่านหนังสือไม่ได้


(9 มี.ค. 58 (21:48 น.) ประเด็นที่โลกโซเชียลเน็ตเวิร์กกำลังวิพากษ์วิจารณ์เป็นอย่างมาก ภาพรอยช้ำแดงๆ บนแผ่นหลังของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งถูกระบุว่า คุณครูที่โรงเรียนทำโทษ เนื่องจากอ่านหนังสือไม่ค่อยได้ กลายเป็นภาพที่สร้างความสะเทือนให้กับพ่อแม่ผู้ปกครองเด็กทั้งประเทศ
ตามรายงานระบุว่า ผู้ใช้เฟซบุ๊กชื่อ "กวดวิชา เตรียมทหาร" ได้แชร์ภาพและข้อความที่เกิดขึ้นกับเด็กชายคนหนึ่ง ภาพดังกล่าวเผยให้เห็นสภาพแผ่นหลังของเด็กที่มีรอยแดงช้ำ โดยเจ้าของภาพได้โพสต์ไว้ว่า
"วันนี้...ลูกชายวัย 6 ขวบ อยู่ชั้น ป.1 ถูกครูที่โรงเรียนตีหลังมา สภาพแย่มาก..(เหตุผลเพราะอ่านหนังสือไม่ค่อยได้) ซึ่งคนเป็นแม่อย่างเรา เห็นแล้วรับไม่ได้เลย มันเจ็บปวดมาก...มากจนไม่รู้จะพูดอย่างไรดี น้ำตาแห่งความเสียใจมันไหลไม่หยุด ถ้าเลือกได้ก็อยากจะเจ็บแทนลูกซะเอง พาลูกไปหาหมอ หมอบอกว่า แผลที่ร่างกายเด็กรักษาหายได้ แต่แผลที่จิตใจเด็กที่ถูกทำร้าย โดนครูทำแบบนี้ มันยากที่จะหาย บาดแผลนี้มันจะติดที่..หัวใจ..ของน้องตลอดไป"

อย่างไรก็ตาม ภายหลังจากภาพดังกล่าวถูกแชร์ส่งต่อกัน มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นเป็นจำนวนมาก กล่าวตำหนิการทำโทษเด็กที่เกินกว่าเหตุของคุณครู ที่ควรจะอธิบายให้เด็กเข้าใจบทเรียนอย่างถ่องแท้ มากกว่าที่จะใช้กำลังแบบนี้ เท่ากับเป็นการทำร้ายเด็กและอาจจะส่งผลทำให้เด็กมีปมด้อยติดตัวไปด้วย
ทั้งนี้ ความคืบหน้ากรณีดังกล่าว มีรายงานระบุว่า เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นที่โรงเรียนแห่งหนึ่งใน จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งผู้ที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการไล่ออกคุณครูดังกล่าวแล้ว แม้ว่าคุณครูจะชี้แจงว่าใช้แค่มือตีเด็ก แต่เนื่องจากผิดวินัยอย่างร้ายแรง จึงได้ดำเนินการขั้นสูงสุด อีกทั้งยังเตรียมดำเนินคดีฐานทำร้ายร่างกายเด็กด้วย
ที่มา : http://news.sanook.com

สรุปสิ่งที่ได้เรียนรู้จากข่าว
เวลาที่ครูบางคนโกรธ อารมณ์เสียหรือไม่พอใจสิ่งใด ก็มักมาลงอารมณ์กับเด็ก ด้วยการทำรุนแรง เช่น ตบ ตี เตะ ต่อย ขว้างปาสิ่งของใส่ ด่าว่า ตะคอกด่าว่าเด็กด้วยถ้อยคำ รุนแรงหยาบคาย ซึ่งพฤติกรรมเหล่านี้ล้วนเป็นสิ่งที่สร้างบาดแผลในใจเด็กทั้งสิ้น อีกทั้ง อาจส่งผลให้เด็กซึมซับเอาพฤติกรรมเหล่านี้มาจนกลายเป็นคนมีนิสัยเป็น นักเลง ก้าวร้าว  โมโหร้าย เป็นต้น ตามเนื้อข่าวแล้วปัญหาคือเด็กอ่านหนังสือไม่ได้ ซึ่งเป็นปัญหาปกติใน ชั้นเรียนที่นักเรียนแต่ละคนจะมีพัฒนาการที่แตกต่างกัน เพราะฉะนั้นครูควรหาวิธีการสอน หรือแนวการสอนใหม่ๆ เพื่อส่งเสริมในการอ่านของนักเรียนมากขึ้น ไม่ใช่มาใช้ความ รุนแรงในการแก้ปัญหา แม้ว่าปัญหาเรื่องการทำร้ายหรือทารุณกรรมเด็กจะไม่มีวันหมดไป จากสังคมไทย แต่ในฐานะที่เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคม และจะเป็นครูในอนาคตจึงมี หน้าที่ในการช่วยดูแลไม่ใช่ซ้ำเติม  และจากข่าวข้างต้นครูได้ทำร้ายเด็กเกินกว่าเหตุ เพราะแค่เด็กอายุเพียง 6 ขวบ อ่านหนังสือไม่ค่อยออก ไม่ควรทุบตีหรือทำร้ายเด็กขนาดนี้ ครูได้ประพฤติผิดทางวินัยอย่างร้ายแรงตามข้อปฏิบัติทางวินัยจึงต้องได้รับโทษทางวินัยที่ระบุไว้ในมาตรา 96 ซึ่งต้องโทษลาออก



ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น